KCG เทรดวันแรก 8.55 บาท เหนือจอง 0.59% จาก IPO 8.50 บาท

KCG เทรดวันแรก 8.55 บาท เหนือจอง 0.59% จาก IPO 8.50 บาท หวังขยายกำลังการผลิตและยกระดับ KCG Logistics Park

ดร.วาทิต  ตมะวิโมกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ KCG เผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในหมวดอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร / อาหารและเครื่องดื่ม มีจำนวนหุ้น IPO 155 ล้านหุ้น มูลค่าระดมทุน 1,317.50 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 4,632.50 ล้านบาท ราคา IPO คิดเป็น trailing P/E 17.33 เท่าใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 17.52 เท่า ซึ่งมั่นใจว่าด้วยศักยภาพของบริษัทฯ ที่วางรากฐานอย่างแข็งแกร่งมาอย่างยาวนาน จะช่วยสนับสนุนให้ KCG เป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายเพื่อก้าวสู่ผู้นำการผลิตและนำเข้าผลิตภัณฑ์เนย ชีส และผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคชั้นนำจากทั่วโลก  

ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแผนขยายการลงทุนในปี 2566-2567 โดยมุ่งลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตชีส จากเดิม 2,106 ตันต่อปี ให้เพิ่มเป็น 4,212 ตันต่อปี ภายในปีนี้ และจะขยายกำลังการผลิตเนยที่โรงงานเทพารักษ์ จากในปัจจุบัน 18,596 ตันต่อปี ให้เพิ่มเป็น 23,261 ตันต่อปี ภายในปี 2567 รวมถึงลงทุนเครื่องจักรใหม่และปรับพื้นที่สร้างห้องปลอดเชื้อที่โรงงานบางพลี

นอกจากนี้ บริษัทฯ จะลงทุนก่อสร้างและพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้า (KCG Logistics Park) โดยเป็นศูนย์กระจายสินค้าแบบแช่แข็ง และแบบอุณหภูมิห้อง ซึ่งเป็นคลังสินค้าที่มีความทันสมัยและครบวงจร อีกทั้งยังเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บและบริหารจัดการสินค้าได้อย่างทันสมัยและมีประสิทธิภาพ โดยแบ่งตามชนิดผลิตภัณฑ์เทียบเท่ามาตรฐาน GMP C และ GMP D ซึ่งเป็นมาตรฐานยุโรป รวมทั้งวางแผนการนำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติมาพัฒนาโรงงานสู่การผลิตระบบอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปี 2567

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เผยว่า KCG เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผลิต จัดจำหน่าย และนำเข้าเนย ชีส และผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคชั้นนำจากทั่วโลก เป็นผู้นำการสร้างสรรค์สินค้าสู่ตลาด ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ทั้งในกลุ่มเนยและชีส ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ อีกทั้งยังเป็นอาหารทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ สอดคล้องกับเทรนด์ของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใส่ใจสุขภาพและสอดรับการขยายตัวของร้านอาหารตะวันตก โดยเฉพาะร้านเบเกอรี่และคาเฟ่ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงบริษัทฯ ยังมีฐานการผลิตอันแข็งแกร่ง และแผนการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิต และนำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้นจึงเชื่อว่าด้วยการวางกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง จะช่วยผลักดันให้ KCG สร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต

#ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย #SET #StockReview #KCG #ข่าวหุ้น #IPO #เทรดวันแรก #ข่าวประจำวัน